ทำใจให้เป็นสุข…..แล้วทุกที่ ที่อยู่จะดีสำหรับเรา….สาธุ‏

เรื่องราวดีดีส่งต่อกันเป็นทอดๆ ขอรวบรวมเอาไว้ แต่ละเรื่องไม่ทราบที่มาแน่ชัดส่งต่อๆกันมา ขออภัยเจ้าของบทความทั้งหมดด้วย

ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย
เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน

แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด
และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า
ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา

ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป
ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี
ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู
นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน
นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ

อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
วันๆไม่เห็นท่านทอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ
ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคน
จัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้
หลวงพ่อเจ้าอาวาส
มีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น
และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง
ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อย
ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ

เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน
คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ
หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี

คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน
แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที
เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร
สวดมนต์เย็นแล้ว

ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก

“อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน
ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา”โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโ
มทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า
หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
บทธรรมแด่พันธมิตร

จุดศูนย์กลาง

นานมาแล้วที่ผมสมัคร wordpress เอาไว้

แต่ก็ไม่ได้ลงมือเขียนเป็นเรื่องเป็นราวสักที เหตุเพราะ  …เขียนไม่ออก

หลายๆครั้งผมนั่งคิดไตร่ตรองจะเขียนอะไรดี

เขียนแล้วคนอ่านเค้าจะชอบไหม

เขียนแล้วคนอ่านจะต้องรู้สึกยังไง

ใช่ครับ… ผมเอาใจคนอ่านมากเกินไป(ซึ่งบางครั้งไม่มีคนอ่านเลยด้วยซ้ำ 555+)

หลังๆมานี่ผมเขียนได้หลายเรื่องอยู่ เขียนแบบไหลลื่น …ดีหรือไม่อีกเรื่องนึ่ง ^_^

เพราะผมไปอ่านเจอ หรือได้ยินที่ไหนสักแห่งที่เค้าสัมภาษณ์เกี่ยวกับการแต่งเพลงว่า

หลายๆครั้งที่เราตั้งใจทำให้มันฮิต เราจะเกร็ง

เหมือนเราต้องเอาใจคนฟังทุกๆคนว่าเค้าจะต้องชอบ

และแน่นอนมันเป็นไปไม่ได้

…เพลงที่ออกมามันดูเกร็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ

และหลังจากนั้นเค้าก็มาคิดได้ว่า

การเอาคนอื่นเป็นศูนย์กลางในการเขียน

ในการแต่ง มันเหนื่อยมาก คนเป็นร้อยเป็นพันจะทำให้ชอบทั้งหมดก็คงยาก

เค้าก็เลยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางซะเลย

เขียนแบบที่ตัวเองชอบ แต่งทำนองแบบที่ตัวเองว่าเพราะ

งานที่ออกมาแม้ไม่ถูกใจใคร แต่อย่างน้อยก็มีเราคนหนึ่งแหละที่ถูกใจ

คุณลองใช้หลักการนี้ในการทำงานซิ

หลายๆครั้งที่ผมถ่ายภาพ

แรกๆอยากให้สวยเหมือนพี่ๆที่เค้าถ่ายกัน หามุมเดียวกับเค้า เลียบแบบเค้า

งานออกมาก็งั้นๆ ไม่ได้ภูมิใจเลย

…ผมก็เลยนั่งขยับเปลือกตาลงนิ่งๆสักพัก

ก่อนจะค่อยๆขยับเปลือกตาขึ้น…

ยกกล้อง ใช้ม่านตามองผ่านช่องมองภาพแล้วขยับหาจุดที่เราถูกใจ

ก่อนจะบรรจงขยับนิ้วชี้ข้างขวากดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ

สวยหรือเปล่า …ไม่รู้

แต่ถูกใจเรา

บางครั้งเราให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆรอบตัวเรามากเกินไป

มากจนมันกลืนตัวคุณที่แท้จริงไป

ลองหยุดสักนิดให้ความสำคัญกับตัวคุณเองบ้าง

…ทำในแบบที่คุณชอบ ทีคุณคิดว่าดีจริงๆ

ผลออกมาแม้จะไม่โดนตาใครแต่อย่างน้อยมันก็คือ…ผลงานจากสมองของคุณเอง

เม็ดขนุน

วันนี้เจอของที่ไม่ได้กินมาแล้วหลายเดือน
…หรือบางทีอาจจะหลายปี

เม็ดขนุนต้ม
ของที่มันจะวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวเสมอเมื่อสมัยก่อน
มันจะเป็นของว่างที่มีประจำเลย
เพราะเมื่อก่อนที่หลังบ้านเก่ามีต้นขนุน
ขนุนนี่ถึงจะเสีย จะเน่าแต่เม็ดก็ยังเอามาต้มกินได้

เวลาที่ได้ขนุนมาแม่จะแกะเอาเนื้อใส่จานแล้วแช่ตู้เย็น
ส่วนเม็ดนั้น แม่จะต้มใส่เกลือ
(เพื่อเพิ่มความกลมกล่อมเพราะปกติแล้ว เจ้าเม็ดขนุนนี่จะมันอย่างเดียว กับกลิ่นเหม็นเขียวอ่อนๆ)
ใส่เกลือสักนิดเวลาทานแล้วจะมีเค็มๆที่ปลายลิ้น

วันนี้แม่บอกว่าใครสักคนแถวบ้านให้เม็ดขนุนแม่มา
เพราะเค้าขี้เกียจต้ม
แม่บอกว่าแม่กินไปหลายเม็ดอยู่รู้สึกแน่นมาก …กินข้าวไม่ลงแล้ว
ในใจคิดโอ้โฮ้ ของเค้าดีจริงๆ กินแทนข้าวได้ด้วย ลดน้ำหนักได้นะนี่
วันนี้เลยแอบใส่ถุงมากินที่ทำงานแก้เครียด
อร่อยดี มันๆเค็มๆ

แล้วก็เกิดอาการสงสัยกับสารอาหารที่อยู่ภายใน
เกิดเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คในแก่นกะโหลกว่า
มันซะขนาดนี้ กินแล้วจะอ้วนมั้ยเนี่ย
เอาละซิ เข้ากรูเกิ้ลในทันใด

…พระเจ้าช่วย กล้วยหักมุข พลังงานสูงมาก
ว่าแล้วทำไมมันอร่อยจัง
เม็ดขนุนในปริมาณ 100 กรัม หรือหนึ่งขีดเนี่ยนะ
ให้พลังงานถึง 374 แคลอรี่ พระเจ้าช่วย
คุณรู้ไหมมาม่าเส้นหมี่น้ำใสหนึ่งซองให้พลังงาน 110 แคลอรี่

แล้วภาพแม่ก็ปรากฏขึ้นในแก่นกะโหลก(อีกครั้ง)ว่าทำไมอิ่มจัง
เหอๆ พอ พอ ..วันนี้กินแค่นี้แล้วกัน เอาไว้กินวันหลัง เก็บเข้าตู้เย็นก่อน

 

รูปภาพ

ดาว

แปดโมงยี่สิบเจ็ดนาที กับการนั่งรอ
รอการมาของคนขับรถตักดิน
รอคนขับ ตอนนี้มีรถแล้ว รถตักดินคันโต จอดอยู่นิ่งๆ

การมาขอคนขับพร้อมกับข้าวเช้ามื้อแรกในวันนี้
แสลงพัน วังม่วง สระบุรี

เช้ามืดกับการตื่นลืมตาอีกครั้งพร้อมกับลมหายใจ
นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกกว่า เรายังอยู่บนโลกใบนี้

คืนที่ผ่านมา การค้างอ้างแรมในที่ที่คุ้นตา..แต่ไม่ถึงคุ้นเคย

เต้นท์สีเขียว กับบรรยากาศล้อมรอบด้วยหุบเขา
ดวงดาวบนท้องฟ้าที่มากมายเหลือเกิน
…อาจเป็นเพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า

กทม เมืองกรุง สว่างเกินไป ..สว่างจนเราไม่เห็นดาว
บางครั้งเราให้ความสำคัญกับบางสิ่งมากเกินไป
นั้นมาก ..มากจนเรามองไม่เห็นดาว
ดาวบนท้องฟ้า ที่อยู่กับเรามาตลอด
แต่เราไม่เห็นเพราะแสงสว่าง
คล้ายๆเราไม่เห็น หรือเลือนไปว่าใครรักเรา…

แปดโมงสามสิบห้า เวลาผ่านไป
แต่การรอคอยยังเหมือนเดิม
ลองดูซิว่าที่บ้านคุณมีดวงดาวรอคุณอยู่นานเท่าไหร่แล้ว
ให้ความสำคัญกับท่านบ้าง
..ปิดไฟ ..ปิดความรู้สึกกับเรื่องงาน เรื่องบ้าๆ เรื่องเครียดๆ แล้วจะเห็นดาว
ดาวที่รอให้คุณมองมานานแสนนาน

 

 

สระบุรี
พฤหัส 14 มิถุนายน 2555

เปลือกส้ม

ผมรู้จักกับเปลือกส้ม ขนมทานเล่นจากเมืองจีนนี้เมื่อตอน ม ต้น
ตอนนั้นผมเข้าชมรมสหกรณ์ เราจะแบ่งเวรกันขายของในแต่ละสัปดาห์
เพื่อนๆหลายคนที่ชอบทานผมลองถามว่าทำไมถึงชอบ
…มันบอกว่า มันชอบของแปลก ไม่เหมือนใครดี

ขนมห่อสีดำขอบเงินนี้มีรสเปรี้ยว อมเค็ม แกม หวานและขม
รสไม่ต่างจากบ๊วยเค็ม ผมแปลกใจนะตอนแรกที่รู้ว่ามันคือเปลือกส้ม
เวลากินส้มผมไม่เคยคิดว่ามันจะสามารถเอามากินเล่นได้
ถึงตอนนี้ผมมองไปถึงกับอีกหลายๆเปลือกที่มีประโยชน์ มังคุด ส้มโอ มะพร้าว
…หรือแม้แต่ทุเรียน มีก็ยังมีประโยชน์เอาไว้ตบหน้าตัวอิจฉา

กลับมาที่เรา กลับมาที่มนุษย์หรือคน
เราสร้างเปลือกตามที่เราอยากเป็น
บางครั้งเรายอมลืมตัวตนเราจริงๆ
เพื่อบางอย่างที่เราหมายปอง

เปลือกของเราไม่มีประโยชน์
แรกๆมันสวยงาม มันทำให้คนที่เห็นเราแค่เปลือกรู้สึกดี
ในความคิดเค้า เค้าจะคาดหวัง ว่านั้นคือเราจริงๆ
แล้ววันใดที่เราเมื่อย…
เมื่อยกับเปลือก เปลือกจอมปลอม
ตัวเราจริงๆจะปรากฎ
…ถึงตอนนั้นวงแตกแน่นอน

ถอดเปลือกซะ เป็นตัวคุณจริงๆ
ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่มีใครโอเคกับตัวจริงของเรา

…ผมเชื่อว่าสักวันจะมีคนที่ชอบของแปลกแบบคุณ

 

orange

 

ป.ล.เขียนบนไอพอดทัช แสลงพัน สระบุรี
15/06/2012

ต่างจังหวัด

การเดินทาง บรรยากาศของการเก็บกระเป๋าเดินทาง

การเตรียมของใช้ส่วนตัว ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม สบู่ แป้งฝุ่น

แล้วเวลาเตรียมเราจะคิดนู่นนี่นั้นว่าไอ้นี่ก็ต้องใช้เอาไปด้วยดีกว่า
ไอ้นี่ไม่จำเป็นไม่เอาไปแล้วกัน …หนักกระเป๋า
แล้วสุดท้ายมันจะออกมาประมาณว่า ของที่เตรียมมา ไม่ได้ใช้ ส่วนของที่จะใช้ดันลืม…
ถ้าคุณเป็นแบบนี้…เรื่องปกติของชีวิตครับ

มีบางทริปไปกันแปดคน ต่างคนต่างเอาไปแต่แปรง
คิดว่าไปเอายาสีฟันของเพื่อน….
คิดแบบเดียวกันทั้งแก๊ง สรุปปากเหม็นทั้งคณะ

ผมชอบนะเวลาทำแบบนี้เหมือนเราได้ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ
คล้ายๆกับตอนที่เราจะได้ไปเข้าค่ายลูกเสือ
มันตื่นเต้นจนคืนก่อนเดินทาง นอนหลับยาก

วันเดินทางไปเข้าค่ายมันจะมีคนสองแบบ
คือหนึ่ง พวกนี้เห่อมาก มาตีห้าครึ่ง ในที่ครูเค้านัด เจ็ดโมง ในที่เวลามาเรียนไอ้หมอนี่สายตลอด
กับอีกพวก รถเค้าออกเจ็ดโมงครึ่งมาถึงโรงเรียนแปดโมง ไม่ใช่ว่าไม่ตื่นเต้นหรือไม่อยากไปนะ
แต่พวกนี่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับกว่าจะได้นอนก็นั่นแหละ แล้วก็ตื่นสายมาไม่ทัน

ผมจำได้นะเราไปเข้าค่ายกัน มีเพื่อนบางคนพ่อขับรถมาส่ง วิ่งตามรถบัสมา เพื่อนล้อกันตลอดทริป

ถึงมันจะหลายปีมากแล้วบรรยากาศแบบนั้น
เวลาที่เราจัดกระเป๋าพร้อมจะเดินทาง ไม่ว่าจะไปเที่ยว หรือไปทำงาน หัวใจเราจะพองโตกับสิ่งที่เราเดาไม่ได้ตลอดการเดินทาง

ร้านกาแฟสดข้างทางที่แบรนด์ไม่คุ้นตา ลุ้นรสชาติว่าจะออกมาคุ้มกับเงินสี่สิบบาทมั้ย
ปั้มน้ำมันหน้าตาบ้านๆที่ไม่รู้ว่าห้องน้ำจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เราบ้าง
การหลงทาง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การถามทางกับป้าขายกล้วยแขกข้างทาง
ลีลาการขับรถของเพื่อนร่วมทาง รถสองแถวตามต่างจังหวัด
ช่องจราจรที่ดูเหมือนปกติ …แต่คุณกลับขับย้อนศรเข้าไป
การโดนรถท้องถิ่นที่คุณเหมามาฟันค่ารถแบบสามเท่าของราคาปกติ
…แต่บางที่ก็เจอน้ำใจไปส่งให้ฟรีถึงที่หมาย

มันคือรางวัลของชีวิต สุดสัปดาห์นี้ หากไม่มีธุระอะไรกับที่ต้องอยู่ในเมือง
ไม่ต้องรอเทศกาลหยุดยาว เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางกัน…

ออกไปเหยียบโลกดูบ้าง ก่อนจะไม่มีแรงเหยียบ

ป.ล.เขียนภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในสระบุรี ด้วยไอพอดทัชเครื่องเล็กๆจิ้มไปเรื่อยๆ ในคืนที่มีบอลยูโรแต่ดูไม่ได้เพราะจานดำ
 

สิ่งที่ล่วงเลยผ่านไป

หลายอย่างที่ผ่านไป ช่วงแรก ระยะแรก จะดิ้นตายที่ต้องเสียมันไป
เป็นแบบนั้นจริงๆ หลายๆคำปลอบ หลายๆคำห่วงใยจากคนรอบข้าง
น้ำเสียงของคนที่ห่วงใย ถ้อยคำดีดี ผ่านเข้ามาในแก้วหูของเรา ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ทำให้เหมือนว่าเราไม่ได้เดียวดาย

คำปลอบโยนของคนรอบข้าง

หลายคนเคยบอกว่าเวลาจะทำให้เราดีขึ้น ในนาทีนั้นเราไม่เชื่อมันหรอกว่าเมื่อเวลาผ่านไปมันจะดีขึ้น ได้แต่ก้มหน้าแล้วบอกว่า อืมๆ พร้อมกับปาดน้ำตาอีกครั้ง

เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้

…และเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกวันในโลกเบี้ยวๆใบนี้ ในนาทีที่คุณอ่านอยู่นี่ ก็มีคนร้องไห้เพราะมัน ร้องไห้ให้กับสิ่งที่ผ่านเราไป

อีกวิธีที่มันจะทำให้เราดีขึ้น ลองดูนะ

หลายๆครั้งที่เสียใจกับสิ่งจากไป สิ่งที่กำลังจะหายไป

ผมจะนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เคยผ่านเราไป

ตอนนั้นเราเองก็เสียใจไม่ต่างจากตอนนี้ แต่ทำไมตอนนี้เรานึกถึงมันแล้วเรายิ้ม ในเมื่อตอนนั้นมันมี…น้ำตา

เพราะเวลามันช่วยได้จริงๆ

ให้เวลาค่อยๆเคลื่อนผ่านไป อย่างช้าๆ ค่อยๆทบทวนเหตุและผล ว่าเพราะอะไรทำให้ต้องพบจุดที่จากกัน

เก็บเอาความผิดพลาด เก็บมันไว้เอาเป็นคู่มือในการใช้ชีวิตครั้งใหม่

ให้ก้าวย่างของชีวิตต่อจากนี้

จะให้ไม่พลาดเลยคงจะยาก

แค่ให้พลาดน้อยที่สุด…ก็คุ้มแล้ว

สวัสดี

 

กลางสัปดาห์

เย็นวันพุธ เป็นอะไรที่ครึ่งๆกลางๆ จะขี้เกียจก็ไม่ จะขยันก็ไม่เชิง
วันพุธเป็นวันที่ดี เป็นวันสีเขียว และ…เป็นวันเกิดผม พ่อก็ด้วย
ผมและพ่อเกิดวันเดียวกันวันพุธ

เรามักจะมองว่าวันจันทร์อีกแล้วขี้เกียจจังเลย
แต่จะคนละฟิวกับวันศุกร์
วันศุกร์ หรือ วันสุข เรียกแบบนี้ก็คงไม่ได้แปลกอะไร
วันศุกร์เราจะลั่นหล้ากันแต่เช้า ดูกระปรี้ประเปร่า
มีการวางแผนว่าเย็นนี้จะไปไหนดี
ไปกับเพื่อน ไปกับแฟน ไปกับกิ๊ก ว่ากันไป

แล้วถ้าเป็นหยุดยาวจะโอเคมาก ไปต่างจังหวัดกันมีการวางแผนต่างๆนาๆ
แต่จะวิเศษมากที่สุด…หากศุกร์นั้นเป็นศุกร์ต้นเดือน

กลางสัปดาห์แบบนี้เราจะอยู่นิ่งๆเหมือนไม่มีอนาคต
แต่เย็นพรุ่งนี้ซิ เย็นวันพฤหัส มันจะมีอีกอารมณ์ว่า เย้ๆๆพรุ่งนี้อีกวันเดียว

อารมณ์นี้เกิดขึ้นสำหรับคนที่ทำงานแค่ 5 วัน จันทร์ถึงศุกร์
หรือในกลุ่ม นักเรียน นักศึกษา

จะวันไหนก็เหมือนกันแหละ

คุณรู้ไหมหากเย็นวันศุกร์คุณลั่นหล้ามากเกินไป
งานที่ค้างคาอยู่ มันก็ยังจะยังอยู่ในเช้าวันจันทร์ นั่นคือเรื่องจริง…
และที่จะแถมมาก็คือกำหนดงานที่ต้องส่งมันก็จะเหลือน้อยลงเรื่อยๆ

มีความสุขกับงานนะครับผม
มีความสุขทุกๆวันนะจ๊ะ
สวัสดี

รูปภาพ

ครั้งสุดท้าย

…เราไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า
วันนี้รู้สึกอะไร รู้สึกอย่างไร บอกเขาไป
บอกให้บ่อยจนบางครั้งเหมือนไม่มีค่า
ดีกว่าปล่อยเวลาล่วงเลยไปจนไม่มีโอกาสได้บอก…
สมโภช จันทร์สุภา
05 | 06 | 2012

นั่งดูข่าววันก่อนเรื่องท่อแก๊สชีวมวลในคอกหมู มีสัมภาษณ์ ภรรยาผู้เสียชีวิต เธอเล่าว่า เช้าสามีก็ออกไปทำงานตามปกติเหมือนทุกวัน แต่เย็นนี้ไม่มีเค้าคนนั้นอีกแล้ว

คำพูดอาจจะไม่เท่าไหร่ ผมอาจจะจำไม่ได้ทั้งหมดที่เค้าพูด แต่แววตานั้นเศร้ามาก แล้วเพลงนี้ก็ดังในหัวผม

เพลงนี้ แสตมป์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เพลงนี้แต่งให้พ่อของเค้า ซึ่งไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ถ้าจำไม่ผิดเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวเพลงแรกๆของอัลบั้มชุดนี้ ผมฟังครั้งแรกก็เฉยๆนะ
ไม่ได้คิดว่ามันจะติดหูหรืออย่างไร ไม่เหมือนเพลงอื่นๆของเค้า
แต่พอเราให้เวลากับมันสักระยะ ฟังรายละเอียดข้างใน คำร้อง…ทำนอง
คุณจะรู้ว่าคุณควรจะบอกออะไร จะทำอะไรกับใคร…ก่อนที่มันจะสาย

ดอกไม้ไฟ

พลุ หรือ ดอกไม้ไฟ ผมว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งในหลายๆสิ่งที่เวลาเราผ่านช่วงวัยต่างๆของชีวิตเรา เราจะมองมันต่างออกไป

ส่วนตัวผม ลองนั่งนึกย้อนกลับไปตอนเด็ก เด็กที่สุดที่จะจำความได้ผมจะตื่นเต้นกับแสงสีของ สิ่งที่เรียกว่าดอกไม้ไฟมาก ขั้นเริ่มต้นผมว่าหลายๆคนคงเหมือนกัน “ไฟเย็น” เป็นแท่งยาวๆละม้ายคล้ายธูป ครั้งแรกผมยังจำได้พอมันดับลงผมค่อยๆจับอยากรู้ว่าเย็นจริงหรือเปล่า สรุปว่า “มันร้อน”

พอขยับโตขึ้นมาพอจะเก็บค่าขนมเองได้ก็เล่นประทัด อีกประเภทของพลุที่ให้เสียงดังระดับเริ่มต้น ส่วนขั้นสูงนั้นเราเรียกมันว่า “กระจับ” กระจับนี่ไฮโซมาก อันละบาท ปังเดียว บาทนึ่ง ผมไม่นิยม ส่วนประทัดนั้นขายเป็นกล่อง คุ้มๆเล่นได้ตั้งนาน ตอนนี้ที่เป็นมีแต่อันแดงๆ ใช้จุดในพิธีต่างๆ ซื้อมาจะเป็นมัดยาวๆวิธีใช้จะเป็นข้นตอนดังนี้
1.หาที่ผูกสูงเข้าไว้
2.ห้อยเอาไว้ให้มั่นคง
3.หากประสบการณ์ยังไม่แก่กล้านักให้หาธูปยาวๆเป็นตัวจุดฉนวน แต่หากชั่วโมงบินสูงแล้ว จุดจากไม้ขีดได้เลย
4.วิ่งให้ไกลพอสมควร ยืนอุดหูแล้วภูมิใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

นั้นคือวิธีเล่นแบบไฮโซ แต่ที่ผมทำคือ ผมจะแกะมันเป็นชิ้นๆ แล้วจุดทีละอันแล้วโยนไปทางอื่น(ให้ไกลที่สุด) สมัยก่อนแถวบ้านผมจะมีลานทรายใหญ่มาก เราจะไปสร้างเมืองกัน(คล้ายๆเจดีย์ทราย) พอเราสร้างมันพอเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ผมจะฝั่งประทัดไว้ แล้วจุด บรึ้มมมมม ปราสาททรายกระจายราวกับยุคเสียกรุง สนุกมาก

และในหนึ่งกล่อง มันต้องมีที่ด้าน ประทัดด้าน(คือจุดไม่ติด มันไม่บรึ้มมมม)อารมณ์เราจะเสียเซลฟ์มาก ประมาณว่า จุด โยน อุดหู แล้วมันเงียบ….. บางครั้งมันก็เงียบ บางครั้งพอเราไปใกล้ๆ มันทำงาน บรึ้มมมมม ช่วงนี้ตื่นเต้นมาก เหมือนโดนแกล้ง วิธีจัดการกับประทัดที่ด้าน ผมจะหักครึ่งแล้วใช้ไม่ขีดจุด มันจะฟู่… สนุกไม่มากแต่ดีกว่าทิ้งเฉยๆ

พอโตขึ้นมาอีกระยะ…จะรู้ว่ามันเปลือง พ่อเคยสอนว่า ของพวกนี้คือเหมือนเราเผาเงินทิ้ง จ่ายเงินไป จุดให้มอด แล้วก็จบ ผมก็เลยไม่ค่อยซื้อมาเล่น ตอนนั้นได้แต่ยืนดูชาวบ้านเค้าเล่นกัน และพอพวกมันไม่กล้าจุด หน้าที่เราคือจะเป็นคนจุดเอง ไม่ต้องเสียเงินซื้อแต่ก็ได้จุดเอง ภูมิใจมากเหมือนได้เล่นฟรี

มาถึงยุคตอนนี้เลยแล้วกัน
ตอนนี้คงไม่ได้ยืนดูเฉยๆแบบใกล้ๆอีกต่อไป ตอนนี้เวลามีดอกไม้ไฟ ผมจะไม่เอามืออุดหูแล้ว เพราะมือจะต้องถือสายลั่นชัตเตอร์เตรียมบันทึกภาพดอกไม้ไฟ
การถ่ายภาพดอกไม้ไฟนั้นมีเรื่องน่ารู้น่าสนุกมากเดี๋ยววันหน้าจะโม้ให้ฟังใหม่่

วันนี้แค่นี้ก่อน
สวัสดี